Emotional marketing คืออะไร

เวลาตัดสินใจอะไรสักอย่าง คุณใช้อารมณ์หรือเหตุผล? คำตอบที่ได้รับอาจจะแตกต่างกันออกไป แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในมุมของนักการตลาด เมืองไทยคือดินแดนปราบเซียนที่ต่อให้เคยทำอะไรมาจากที่ไหนก็อาจจะไม่สามารถนำวิธีการเดียวกันมาใช้กับที่นี่ได้ เพราะคนไทยเป็นกลุ่มคนที่ใช้ใจตัดสินมากกว่าเหตุผล พูดง่ายๆ คือ "ชนะใจฉันให้ได้สิ แล้วเราค่อยมาคุยกัน" ดังนั้นการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์จึงเป็นสิ่งสำคัญ

แต่ปัญหาหนึ่งของคนไทยคือ เรามักดูถูกสินค้าของไทยกันเอง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญต่อการพัฒนาสินค้าและบริการของไทยมาโดยตลอด แต่หากจะไปโทษความคิดของผู้บริโภคอย่างเดียวก็อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะการ Copy หรือ Reseller ในเมืองไทยเกิดขึ้นสูง เลยทำให้มูลค่าทางการตลาดไม่เพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกัน อาจจะเป็นการทำให้สภาพตลาดแย่ลงไปทั้งหมดได้อีกด้วย

ดังนั้น จึงมีหลายแบรนด์ที่แยกตัวเองออกไปจากตลาดไทย และหันไปทำการตลาดที่ต่างประเทศก่อน เพื่อให้คนไทยมองว่าเป็นแบรนด์จากต่างประเทศจะได้เพิ่มมูลค่าทางการตลาดไปในตัว สำหรับตัวอย่างของสินค้าไทยที่ไปเติบโตในต่างประเทศ เช่น

- SRETSIS แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังของสามสาวยอดดีไซน์เนอร์
- THANN แบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและสปาของไทยที่มีสาขามากกว่า 20 ประเทศ และมีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์นี้ในโรงแรมอีกกว่า 700 แห่งทั่วโลก
- BOYY แบรนด์กระเป๋าที่ได้ขึ้นห้าง Colette ในนิวยอร์ก ก่อนจะโด่งดังไปทั่วโลก

สิ่งที่เหมือนกันของแบรนด์ต่างๆ เหล่านี้คือ พวกเขาเริ่มต้นจากตลาดต่างประเทศและเติบโตอย่างเข้มแข็ง ก่อนกลับมาขายดิบขายดีในประเทศไทย นับเป็นกลุ่มที่สามารถพาแบรนด์ไทยไปอวดโฉมในสายตาโลกได้อย่างน่าชื่นชม

ในยุคของการตลาดทางอารมณ์ (Emotional Marketing) เป็นเรื่องสำคัญที่แบรนด์จะต้องเข้าใจผู้บริโภค เข้าถึงได้ง่าย และเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งสินค้าและบริการ เพราะในยุคที่สินค้าเหมือนๆ กัน คุณภาพคล้ายกัน มีของที่ทดแทนกันได้มากมายจนเกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือด สิ่งที่จะทำให้คุณแตกต่างได้นั้น คือ Emotional Marketing ที่จะช่วยให้คุณชนะในสมรภูมินี้ เพราะผู้บริโภคจะเลือกคุณ เพราะเขารักของของคุณ และตัวแบรนด์ของคุณจริงๆ นั่นเอง