3 ปัจจัยหลัก ทำไม Toys R Us ถึงไปไม่รอด

  • ธุรกิจ
  • November 20, 2018
3 ปัจจัยหลัก ทำไม Toys R Us ถึงไปไม่รอด
Toys R Us ประกาศล้มละลาย แล้วพนักงานที่มีมากถึง 64,000 คน ใน 38 ประเทศ ทั่วโลกต้องทําอย่างไร ? และ Toys R Us จะมีการปรับปรุงแผนกลยุทธ์อย่างไรเพื่อให้ตัวเองได้ไปต่อ ?

วันนี้เรามาดูเหตุผลหลัก ๆ กันว่า ทําไม Toys R Us อาณาจักรของเล่นที่ใหญ่ที่สุด
ในโลกถึงต้องออกมาประกาศตัวล้มละลาย

การปรับโครงสร้างนี้เพื่อไปต่อ ไม่ใช่จบลง

การประกาศล้มละลายสำหรับหลายๆ คน อาจจะเป็นเรื่องที่ดูเหมือนว่ามันเป็นจุดจบ แต่การประกาศล้มละลายสำหรับบริษัทระดับโลก (Global company) จริงๆ แล้วเป็นวิธีสุดท้ายที่สามารถทำได้เพื่อให้ได้ไปต่อ แต่คำถามคือ ทำไปเพื่ออะไร? หรือเพื่อสิ่งนี้?

- Hair cut พูดกันง่ายๆ คือ ขอลดหนี้สิน พร้อมเจรจากับเงื่อนไขต่างๆ ที่จะตามมา
- Stop the bleeding แน่นอน เมื่อประกาศล้มละลายแล้ว หนี้สินที่มีอยู่จะถูกหยุดโดยทันที แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถทำธุรกิจใดๆ ได้ไปอีกหลายปี
- เพื่อหาทางออกให้กับตัวเอง การประกาศล้มละลายไม่ใช่การเลิกทำธุรกิจ แต่เป็นความต้องการที่จะไปต่อในหลายๆ ครั้ง แต่ก็มีไม่กี่ครั้งที่ทำแล้วสำเร็จ

คู่แข่ง (Competitor) ที่น่าจับตามอง

Toys R Us อาจจะขึ้นชื่อว่าเป็นอาณาจักรของเล่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคู่แข่ง เพราะคู่แข่งค้าปลีกยักษ์ใหญ่ที่น่ากลัวของ Toys R Us คือ Walmart ที่นอกจากจะขายของเล่นแข่งแล้ว ก็ยังงัดกลยุทธ์ทางด้านราคามาสู้ด้วย โดยการปรับราคาของเล่นให้ตํ่าลง ทั้งยังมีบริการจัดส่งให้ฟรีอีกด้วย

ปัจจุบันลักษณะนิสัยของผู้อุปโภคและบริโภคเปลี่ยนไป คนหันไปซื้อของทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลด้านราคา ความสะดวกสบาย และมีคูปองส่วนลด ซึ่งนั่นทําให้ E-commerce เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ เท่ากับว่า Toys R Us จะต้องสู้กับคู่แข่งทางออนไลน์เจ้าเล็กเจ้าน้อย รวมไปถึง Amazon ที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทางออนไลน์อีกด้วย ทําให้ยอดขายของ Toys R Us ตกลงฮวบ ซึ่งถ้าย้อนกลับไปในช่วงปี 2548 ที่กลุ่มนายทุนเข้ามาซื้อกิจการของ Toys R Us พวกเขาอาจจะยังมองอนาคตของตลาด E-commerce ไม่ขาด เพราะต้องบอกว่าสมัยนั้น Amazon เองก็ยังไม่ได้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเช่นทุกวันนี้

และในปัจจุบัน ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายเพียงแค่มีสมาร์ทโฟน ของเล่นก็เช่นกัน ในเมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ของเล่นก็ไม่จําเป็นต้องจับต้องได้ (Physical) อีกแล้ว ของเล่นจึงได้ออกมาในรูปแบบใหม่แทน เช่น เกม ซึ่งเล่นได้ทุกเพศทุกวัยมากขึ้น ตั้งแต่เด็กเล็กจนเด็กโตในรูปแบบ E-sports หรือแม้กระทั่้งการบริการในรูปแบบการเช่าของเล่นที่ช่วยให้ของเล่นไม่ต้องถูกทิ้งไป

เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป

เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปแล้ว Toys R Us จะปรับตัวอย่างไรต่อไป ย้อนกลับไปที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า Amazon ได้กลายมาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ Toys R Us เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป และ Toys R Us ก็ไม่ได้ขยับตัวตาม ทําให้สิ่งที่เกิดขึ้นคือ Toys R Us ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

ตอนนี้เรามาถึงยุคที่ One-stop shop กําลังถดถอย และเข้าสู่ยุคของ Self-service มากขึ้น หมายความว่าอย่างไร หมายความว่า ต่อจากนี้ไปคุณแทบจะไม่ต้องออกจากบ้าน หากต้องการซื้อของเล่นสักชิ้นสองชิ้นให้ลูกหลาน เพียงแค่หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเชื่อมต่อกับร้านค้า จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต วันรุ่งขึ้นก็รอรับของมาส่งที่บ้านได้อย่างง่ายดาย และต่อไปในอนาคต คุณคิดว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ในเมื่อเทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่ง Toys R Us คงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตที่กําลังจะมาถึง เพื่อรักษาไม่ให้อาณาจักรของเล่นสูญสลายไป

Tags

  • Business

You May Like

ติดต่อทีมงานทรู ดิจิทัล พาร์ค

หรือเข้าชม สถานที่