การซื้อขายของในโลกออนไลน์ในปัจจุบันได้กลายเป็นพื้นฐานในชีวิตที่ทุกคนเริ่มคุ้นชินกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะตั้งแต่การแพร่หลายในช่วงโควิด-19 ก็ทำให้มีหลายคนตื่นตัวและต้องการปรับตัวเพื่อขยายธุรกิจของตัวเองให้เติบโต และไปได้ไกลกว่าเพียงตลาดในประเทศ
ใน TDPK TALK: SME Forward EP.1 เราได้รับเกียรติจาก คุณอุ้ย ภรณี ช็อมบร็อง Seller Education Manager จาก Amazon Global Selling Thailand และคุณรอน เจริญ หิรัญตระกูล Partnership Manager จาก Payoneer มาร่วมแชร์มุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยเราได้สรุปเนื้อหาเอาไว้ ดังนี้
คุณอุ้ย ได้นำเสนอข้อมูลจาก e-marketer แสดงในส่วนของอัตราการเจริญเติบโตของธุรกิจค้าปลีกทั่วไปเปรียบเทียบกับอัตราการเติบโตของธุรกิจ E-Commerce ทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2017-2020 และมีการคำนวณคาดการณ์ถึงปี 2023 พบว่า ธุรกิจค้าปลีกทั่วไปมีการเติบโตประมาณ 3.7% ขณะที่ E-Commerce เติบโตที่ 16.5% ดังนั้นจะเห็นว่าอัตราการเติบโตสูงกว่ามาก และคาดว่าตลาด E-Commerce ในเอเชียแปซิฟิกจะมีมูลค่ากว่า 70% ของการค้าปลีกทั้งหมดได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลายคนจึงอยากปรับตัวเข้าสู่การค้าขายบนออนไลน์มากขึ้น
สำหรับในประเทศไทยในช่วงปี 2020 มูลค่าการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ อยู่ที่ 6,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย 47% มาจาก E-Marketplace อย่างเช่น เว็บที่รวบรวมสินค้าจากหลาย ๆ เจ้า รองลงมาคือ Social Media 38% และ เว็บไซต์ร้านค้า Brand.com 15%
สำหรับประเทศไทยเอง หลายคนเริ่มซื้อของจาก Social media แต่ปัจจุบันก็มีเทรนด์ที่เปลี่ยนไปโดยเริ่มซื้อของใน E-Marketplace มากขึ้น
บนแพลตฟอร์มอย่าง Amazon มีสินค้าในหลาย category ที่ได้รับความนิยมในช่วงที่การแพร่ระบาดโควิดที่ผ่านมา เช่น สินค้าประเภท Home Furniture, Hobbies and Toys หรือ สินค้าที่ปกติคนจะซื้อในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็กลับมาได้รับความนิยมบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น
การขายสินค้านอกจากจะขายบนออนไลน์ภายในประเทศแล้ว ตลาดต่างประเทศก็กลายมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญที่หลายธุรกิจ SME หรือธุรกิจ E-Commerce เริ่มมองหา โดยเฉพาะเมื่อปัจจุบันมีแพลตฟอร์มหลายแห่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกและเอื้อให้เกิดการทำธุรกิจในตลาดต่างประเทศมากขึ้น ถือเป็นโอกาสสำคัญในการขยายธุรกิจให้เติบโตหลายเท่าตัว จากการคาดการณ์ Cross-Border ในอนาคตจะมีสัดส่วนคิดเป็น 20% ของการค้าปลีกทั่วโลก
คุณอุ้ยได้กล่าวถึงลักษณะของ Cross-Border E-Commerce มีดังนี้
แน่นอนว่าการขายของไปยังลูกค้าต่างชาติย่อมมีความท้าทายเกิดขึ้น แม้ส่วนใหญ่แล้วผู้ขายหลายคนอาจจะมีฐานลูกค้าที่อยู่ในต่างประเทศอยู่แล้ว แต่หน้าที่ของผู้ขายคือการหาสินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละประเทศ โดยเพิ่มการ Localize สินค้าให้เหมาะสม
อับดับแรกคือ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีอัตราการเติบโตของ E-Commerce อยู่ที่ 3.7% สูงยิ่งกว่าการค้าปลีกทั่วไป ขณะที่ประเทศฝรั่งเศสอยู่ที่ 7.9% เลยทีเดียว
Amazon Global Selling มีการ localize ให้เป็นภาษาไทยโดยเฉพาะ โดยเป็นภาษาที่ 8 ที่มีการพัฒนาขึ้นมา เพื่อให้ผู้ขายสามารถติดต่อพูดคุยกับทีม support เป็นคนไทยได้เมื่อติดปัญหาใดใดก็ตาม
สินค้าที่ Made by Thai for the Americans (สร้างโดนชาวไทย เพื่อชาวอเมริกัน) เช่น แบรนด์ Banana Joe ได้มีการผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าอเมริกันโดยเฉพาะ เป็นขนมกล้วยอบกรอบ ขนมทางเลือกนอกจาก potato chips เพื่อคำนึงถึงสุขภาพมากขึ้น ดังนั้นขนมจึงใช้รสบาร์บีคิวซอส แทนการฉาบด้วยน้ำตาลแบบในเมืองไทย และมีการโฟกัสไปที่ลูกค้าวีแกน โดยแบรนด์นี้ได้รับการรีวิวจากลูกค้าอย่างดี
อีกหนึ่งเคสที่น่าสนใจคือ แบรนด์ Enzo’s Private Selection โดยการทำผลิตภัณฑ์ชาเขียวสำหรับลูกค้าอเมริกัน โดยตัว packaging อาจจะดูแล้วไม่เหมือนสินค้าจากประเทศไทย แต่ได้ออกแบบเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าปลายทาง
Amazon กับโครงการ Jumpstart เปิดสำหรับผู้ขายที่สนใจเข้ามาบนแพลตฟอร์ม สามารถเข้าไปเรียนตามเวลาที่สะดวก โดยจะสอนตั้งแต่พื้นฐานของ Cross-border E-commerce 101 เช่น วิธีการเลือกสินค้า การทำ Product Research ขั้นตอนการขายบนแพลตฟอร์ม Amazon และการคำนวณค่าใช้จ่ายต่าง ง่าย ๆ เพียงเข้าเว็บไซต์ https://sell.amazon.co.th/jumpstart-thailand
นอกจากการเติบโตของตลาดออนไลน์หรือ E-Commerce แล้ว ปัจจุบันตลาด Cross-border payment ก็เติบโตอย่างมากเช่นกัน โดยปัจจุบันถ้าคนจะไปท่องเที่ยว หลายคนก็จะใช้แพลตฟอร์มต่างๆ ในการจองที่พัก หรือเรียกรถผ่านแอป แน่นอนว่าผู้คนก็มีการใช้จ่ายผ่าน Online Payment มากขึ้นด้วย
ในฝั่งของผู้ขาย ปัจจัยในเรื่องของรับเงิน คือสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไร โดยปกติในเมืองไทยอาจใช้วิธีการโอนเงิน แต่ก็จะมีขั้นตอนในเรื่องของเอกสารต่างๆ มาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงมีธุรกิจ FinTech เกิดขึ้นมาสนับสนุนมากมาย จึงเป็นที่มาของ Payoneer แพลตฟอร์มตัวกลางการรับเงินตราต่างประเทศโดยวิธีการโอนเงินแบบ Direct deposit เข้ามาตอบโจทย์การบริหารเงินในการค้าขายบนช่องทางออนไลน์แบบ Cross-boarder
แน่นอนว่าผู้ขายบนแพลตฟอร์มอย่างบน Amazon ถ้าหากต้องการไปขายสินค้าในหลากหลายประเทศ ก็ต้องคิดว่าแล้วจะรับเงินกลับมาอย่างไร
คุณรอน กล่าวว่า Payoneer จะมีระบบ Global Payment Service โดยจะทำการสร้างบัญชีเสมือนให้กับผู้เปิดบัญชี ทำหน้าที่เป็นบัญชีออนไลน์ในสกุลเงินต่าง ๆ เช่น Amazon.com รับสกุลเงินดอลลาร์ เงินยูโร หรือ เงินปอนด์ โดยรองรับมากกว่า 10 สกุลเงิน และสามารถใช้บัญชีเสมือนไปเชื่อมกับแพลตฟอร์มในแต่ละประเทศ โดยลูกค้าต้องมีบัญชี Payoneer เพียงแค่บัญชีเดียว ซึ่งจะช่วยตัดความกังวลในเรื่องของการรับเงินไปอย่างสิ้นเชิง
ติดตาม TDPK TALK กับเนื้อหาที่น่าสนใจในแวดวง Tech และ Stratup ได้ที่เฟสบุคเพจ True Digital Park
Tags