Microsoft เข้าซื้อกิจการ Activision Blizzard มูลค่า 68.7 พันล้านดอลลาร์

Microsoft ประกาศแผนซื้อกิจการ Activision Blizzard และถ้าสำเร็จ การซื้อนี้จะกลายเป็นหนึ่งในการเข้าซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี! การซื้อกิจการนี้จะยกระดับ Microsoft ในอุตสาหกรรมเกม ซึ่งอาจช่วย Microsoft ทำตามเป้าหมายในการเป็นบริษัทเกมที่ใหญ่เป็นอันดับสาม รองจาก Tencent และ Sony ได้สำเร็จ

หลังจากประกาศของ Microsoft หุ้นของ Activision Blizzard พุ่งขึ้นมากกว่า 30% ทันที แต่การซื้อกิจการครั้งนี้อาจไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อ Bobby Kotick ซีอีโอของ Activision Blizzard ยังคงทำหน้าที่ต่อไป ก่อนหน้านี้พนักงานของ Activision ได้หยุดงานประท้วงและเรียกร้องให้ Kotick ลาออก เขาถูกกล่าวหาว่ารับรู้ถึงปัญหาการล่วงละเมิดและการเลือกปฏิบัติที่บริษัทมานานหลายปี แต่เพิกเฉยมาตลอด มากไปกว่านั้น กรมการจ้างงานและการเคหะที่เป็นธรรมแห่งแคลิฟอร์เนียได้ฟ้อง Activision Blizzard โดยกล่าวหาว่าพนักงานหญิงถูกเลือกปฏิบัติ ล่วงละเมิดทางเพศ และได้รับค่าจ้างที่ไม่เท่าเทียมจากวัฒนธรรม frat boy

ขณะเดียวกัน สัตยา นาเดลลา CEO ของ Microsoft เน้นย้ำถึงความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก เขากล่าวว่า “เราเชื่อว่าความสำเร็จและอิสระต้องเกิดขึ้นควบคู่กับการปฏิบัติต่อทุกคนอย่างมีศักดิ์ศรีและความเคารพ” นอกจากนี้ ฟิล สเปนเซอร์ CEO ของ Microsoft Gaming กล่าวในแถลงการณ์ว่า "เราตั้งตารอที่จะขยายวัฒนธรรมที่เน้นย้ำความเท่าเทียมของเราไปสู่ทีม Activision Blizzard"

การเล่นเกมได้กลายเป็นจุดโฟกัสหลักของ Microsoft ในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้คนต้องอยู่บ้านและเล่นเกมมากขึ้น ทำให้รายรับจากการเล่นเกมของ Microsoft ทะลุ 5 พันล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในเดือนมกราคม 2564 การเข้าซื้อสตูดิโอเกมทั่วโลกและการเพิ่มเกมของ Activision Blizzard ที่มีผู้ใช้งานรายเดือนเกือบ 400 ล้านคน จะช่วยส่งเสริมธุรกิจเกมของ Microsoft โดยบริษัทหวังที่จะผลักดัน Xbox เข้าสู่โทรศัพท์ แท็บเล็ต แล็ปท็อป และอุปกรณ์อื่นๆ นอกจากนี้ เกมยอดนิยมจาก Activision อย่าง "Candy Crush" จะช่วยยกระดับตำแหน่งของ Microsoft ในตลาดเกมมือถือด้วย

Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft กล่าวว่า "ในปัจจุบันการเล่นเกมเป็นสื่อที่มีไดนามิคและน่าตื่นเต้นที่สุดในทุกแพลตฟอร์ม และจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา metaverse"

ข้อตกลงซื้อกิจการอาจต้องเผชิญกับการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนทั้งในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศจากทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ข้อกังวลเกี่ยวกับการต่อต้านการผูกขาดในอุตสาหกรรมบิ๊กเทค และแม้ว่าปัจจุบัน Microsoft จะได้รับความสนใจน้อยกว่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Facebook, Apple, Amazon และ Google แต่ Microsoft อาจกลับมาได้รับความสนใจอย่างล้นหลามอีกครั้งและกลายเป็นผู้เล่นที่น่ากลัวในอุตสาหกรรมเกมจากการซื้อกิจการครั้งนี้นั่นเอง